วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2558

week9 เรื่องที่นักเรียนสนใจ


เจอกันweekสุดท้ายแล้วน้ะค้ะวันนี้เราจะมาแนะนำคณะทันตแพทย์น้ะค้ะ
ที่มา http://www.enn.co.th/4757

แนะนำคณะทันตแพทย์
คณะทันตแพทย์เป็นคณะที่เกี่ยวกับช่องปากของคนไข้ดูแลสุขภาพในช่องปากให้ดีอยู่เสมอ

ในปีแรกนั้นจะเรียนวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และสังคมทั่วๆ ไป 
หลายวิชาก็เรียนกับนักศึกษาคณะอื่นๆ เช่น วิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ 
เคมีอินทรีย์ ฟิสิกส์ มนุษย์กับการรู้จักตนเอง วิชาชีพทันตแพทย์ขั้น
แนะนำ มหกายวิภาคศาสตร์ทั่วไป จุลกายวิภาคศาสตร์ ภาษาอังกฤษ
 ฯลฯ 


ปีที่สองวิชาที่เรียนก็จะเกี่ยวข้องกับพื้นฐานวิทยาศาสตร์ทางการ
แพทย์และทันตแพทย์มากขึ้น เช่น วิชากายวิภาคศาสตร์และ
สรีรวิทยาช่องปาก ทันตวัสดุ การส่งเสริมสุขภาพช่องปาก รังสีวิทยา
ช่องปาก ทันตกรรมบดเคี้ยว พยาธิวิทยา จุลชีววิทยา เภสัชวิทยา 
ชีวเคมี ฯลฯ

ในปีที่สามจะเริ่มเข้าสู่วิชาบรรยายและวิชาปฏิบัติการทางทันตกรรม
พื้นฐานมากขึ้น เช่น ทันตกรรมหัตถการ ฟันปลอมทั้งปาก การสบฟัน
 โรคในช่องปาก ฟันปลอมบางส่วน ศํลยศาสตร์ช่องปาก ทันตกรรม
ป้องกัน ฯลฯ


ในปีที่สี่ เริ่มขึ้นคลินิกรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาทันตกรรมเบื้องต้น โดย
เป็นหน่วยกิตคลินิกประมาณ 1 ใน 3 ของหน่วยกิตทั้งหมด และมีการ
ฝึกปฏิบัติงานภาคสนามทางทันตกรรมชุมชนด้วย

ในปีที่ห้า เรียนในคลินิกมากขึ้น นับเป็นสัดส่วนประมาณ ครึ่งหนึ่ง
ของหน่วยกิตทั้งหมด นอกจากนั้นก็เป็นการฝึกปฏิบัติงานในภาค
สนามในงานทันตกรรมโรงเรียน และการทำโครงการวิจัยทางทันต
กรรม

ในปีสุดท้าย นักศึกษาจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในคลินิก โดยจะฝึก
ปฏิบัติการดูแลผู้ป่วยอย่างองค์รวมคล้ายในคลินิกจริงๆ ผู้ป่วยก็จะมี
ปัญหาทันตกรรมที่ซับซ้อนขึ้น ส่วนในภาคปลายก็จะมีการหมุนเวียน
ไปฝึกงานในโรงพยาบาลและชุมชนจริง



เรียนจบ6 ปีแล้วก็ต้องไปขึ้นทะเบียนประกอบโรคศิลป์สาขาทันตกรรม เพื่อจะได้ทำงานได้น้ะจ้ะ
แนะนำคณะทันตแพทย์ของมหาัยเชียงใหม่น้ะค้ะ

แนะนำคณะทันตแพทย์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ขอขอบคุณ https://www.gotoknow.org/posts/100981

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

week8 Review/แนะนำการใช้โปรแกรม

แนะนำโปรแกรม 7-zip

วันนี้เราจะมาแนะนำโปรแกรม 7- zip เป็นโปรแกรมที่บีบอัดไฟล์ ทำให้ไฟล์เล็กลงเพื่อสะดวกในการจัดเก็บข้อมูล

วิธีใช้งานโปรแกรม 7-Zip

7-Zip เป็นโปรแกรมในการบีบอัดไฟล์ (Compressed) ทำให้ไฟล์มีขนาดเล็กลง หรือสามารถบีบอัด ไฟล์หลาย ๆ ไฟล์เข้าเป็นไฟล์เดียว เพื่อสะดวกในการคัดลอกลงในอุปกรณ์เก็บข้อมูล หรือส่ง E-Mail โปรแกรมนี้มีหลักการทำงานเช่นเดียวกันกับโปรแกรมบีบอัดไฟล์ตามท้องตลาด คือ WinZIP และ WinRAR โปรแกรม 7-Zip เป็น Freeware สามารถทำงานกับไฟล์ สามารถใช้ฟังก์ชันบีบอัด (Add) และแตกไฟล์ (Extract) ไฟล์นามสกุล: 7z, ZIP, GZIP, BZIP2 และ TAR ใช้ฟังก์ชันแตกไฟล์ (Extract) ได้อย่างเดียว (ไม่สามารถบีบไฟล์นามสกุลเหล่านี้ได้) กับไฟล์ นามสกุล: RAR, CAB, ISO, ARJ, LZH, CHM, Z, CPIO, RPM, DEB และ NSIS สามารถ Download โปรแกรมนี้ได้ที่http://www.7-zip.org/

ขั้นตอนการติดตั้ง 

ไฟล์ที่ Download มาจะเป็น นามสกุล exe (เช่น Version ปัจจุบันคือ 4.42 ไฟล์ชื่อ 7z442.exe) ทำการดับเบิ้ลคลิกเมาส์ ที่ไฟล์จะเข้าขั้นตอนติดตั้งตามรูปที่ 1


 
 
 ทำการเลือก ตำแหน่งที่ติดตั้งไฟล์โปรแกรม ค่ามาตรฐาน (Default) คือ C:\Program Files\7-Zip กดที่ปุ่ม Install เพื่อทำการติดตั้งต่อไป รอการติดตั้งจนเสร็จดังรูปที่ 


คลิกเมาส์ที่ปุ่ม Finish ในการเสร็จสิ้นขั้นตอนการติดตั้งในรูปที่ 3


วิธีใช้งาน

โปรแกรมสามารถเรียกใช้ได้ที่ปุ่ม Start ดังรูปที่ 4
 

ส่วนหน้าตาของตัวโปรแกรม (User Interface) เป็นดังรูปที่ 5
Tips:ในตัวโปรแกรมมีการตั้งค่าข้อความคำสั่งของตัวโปรแกรมเป็นภาษาไทย โดยไปที่เมนู Tools -> Options ดังรูปที่ 6

เข้าไปที่กลุ่มคำสั่ง (Tab) ที่ชื่อ Language แล้วเลือกภาษาไทยจากนั้นกดปุ่ม OK ในการตั้งค่าดัง รูปที่ 7


การบีบอัด (Add) ไฟล์

ในขั้นตอนนี้จะลองทำการบีบอัด(Add) ไฟล์โดยทำการเลือกโฟลเดอร์(Folder) (แนะนำให้เก็บไฟล์ ทั้งหมดเข้าไปไว้ในโฟลเดอร์เพื่อง่ายในการเลือก) ที่เราต้องการบีบอัดแล้วเลือกคำสั่ง Add ในตัวโปรแกรม ในตัวอย่างนี้จะทำการบีบโฟลเดอร์ Test ดังรูปที่ 8


เมื่อเลือกคำสั่งAdd แล้วจะเข้าหน้าต่าง การบีบอัดไฟล์ดังรูปที่ 9 ตั้งค่าตามลำดับดังนี้


1. ทำการตั้งชื่อไฟล์และเลือกตำแหน่งของไฟล์ผลลัพธ์ที่ได้ คลิกเลือกที่ปุ่ม ... ในการ Browse ตำแหน่งโฟลเดอร์ในเครื่อง
2. ตั้งค่ารูปแบบของไฟล์ โดยสามารถตั้งได้ 3 นามสกุล คือ 7z (เป็นนามสกุลหลักของตัว โปรแกรม) tar และ zip แนะนำให้เป็น นามสกุลแบบ zip เพราะสามารถเปิดได้ทุกโปรแกรมที่บีบอัดไฟล์
3. ตั้งค่าระดับการบีบอัด (Compression method) ระดับการบีบอัดนี้ควรสัมพันธ์กับรูปแบบของ ไฟล์ที่นำมาบีบอัด ดังนี้  

     - ไฟล์ประเภทสื่อ Multi Media เช่น เพลงหรือวีดีโอ นามสกุล: mpg, mp3, avi, wmv ไฟล์ พวกนี้มักผ่านกระบวนการบีบอัดจากโปรแกรมอื่นมาแล้ว แม้ว่าจะใช้โปรแกรมบีบอัดเพิ่มเติม ขนาดไฟล์ที่ ได้ก็ไม่เล็กลง ดังนั้นควรเลือกระดับการบีบอัด เป็น Store จะเสียเวลาน้อยที่สุด
     - ไฟล์เอกสารต่าง ๆ เช่น นามสกุล: doc, xls, ppt, txt, rtf ไฟล์พวกนี้สามารถบีบอัดได้มาก เพราะโปรแกรมจะตัด เครื่องหมายช่องว่างในตัวข้อมูลออกไป ควรเลือกการบีบอัดเป็นแบบ Maximum (ใน กรณีที่เครื่องมี Spec ไม่สูงนัก) หรือแบบ Ultra (สำหรับคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง)
     - ไฟล์ที่มาจากโปรแกรมที่บีบอัดด้วยกันหรือไฟล์ทั่ว ๆ ไป ที่มีนามสกุลนอกเหนือจากไฟล์ 2 แบบข้างต้น จะสามารถถูกบีบอัดได้ในระดับปานกลาง ควรเลือกระดับการบีบอัดแบบ Normal
ในกรณีที่ใช้ระดับการบีบอัดสูงมากขึ้น ก็จะเสียเวลาในการบีบอัด หรือแตกไฟล์ออกมา มากกว่า ระดับการบีบอัดที่อยู่น้อยกว่า

4. การใส่ Password ผู้ใช้สามารถตั้ง Password ในกรณีที่แตกไฟล์ออกมา จะต้องใส่ Password ให้ถูกก่อนจึงจะแตกไฟล์ออกมาได้ ถ้าเว้นว่างไว้ คือ ไม่มี Password
5. การตั้งค่า Split Volumes เป็นการแบ่งไฟล์ที่บีบออกเป็นส่วน ๆ ถ้ามีขนาดเกินที่กำหนดแต่ ละ Volume เพื่อความสะดวกในการเก็บลงอุปกรณ์เก็บข้อมูลหรือการส่ง E-Mail ที่มีพื้นที่การเก็บไฟล์จำกัด โดยสามารถเลือกได้ตามการตั้งค่าของโปรแกรมดังรูปที่ 10 หรือจะพิมพ์ขนาดของไฟล์เลยก็ได้ เช่น 80m หมายถึง 80 MB (ถ้าใส่ m ต่อท้ายหมายถึงหน่วย MB)


จากในตัวอย่าง Folder Test มีขนาด 24.8 MB ทำการบีบไฟล์ แบ่งค่า Split Volumes 15 MB ออกมา เป็น 2 Parts ดังรูปที่ 11



การแตกไฟล์ (Extract)
การแตกไฟล์ที่ถูกบีบอัดแล้วใช้วิธีการแบบเดียวกับการบีบไฟล์ โดยคลิกเมาส์เลือกที่ตัวไฟล์ที่ต้องการแตกออกมา (ถ้าไฟล์แยกเป็น Split Volumes ให้เลือกที่ไฟล์แรก หรือนามสกุล .001 และไฟล์ทุก Part จะต้องอยู่ใน Folder เดียวกัน) จากนั้นเลือกคำสั่ง Extract ดังรูปที่ 12



จากนั้นจะเข้าหน้าต่างการแตกไฟล์ ดังรูปที่13 มีขั้นตอนดังนี้



1. เลือกตำแหน่งที่จะแตกไฟล์ออก 
2. รูปแบบของโฟลเดอร์ และไฟล์ที่แตกออกมา
3. รูปแบบการบันทึกทับในกรณีที่เจอไฟล์ที่ชื่อซ้ำกัน
4. ใส่ Password ในการแตกไฟล์ (ถ้ามี)
5. ตั้งค่าเสร็จแล้ว คลิกปุ่ม OK

Windows Explorer Extension
ในการทำงานทั่ว ๆ ไป เราสามารถใช้การทำงาน 7-Zip ผ่านทางโปรแกรม Windows Explorer ของ Windows ได้เพื่อความสะดวกในการทำงานร่วมกับ Windows Explorer โดยการทำงาน จะอยู่ในคำสั่ง Option ของการคลิกเมาส์ขวาที่ตัวไฟล์ หรือโฟลเดอร์ ดังรูป การทำงานยังเหมือนเดิม คือ เลือกคำสั่ง Add ในการบีบอัดไฟล์ หรือเลือกคำสั่ง Extract ในกรณีที่ต้องการแตกไฟล์
ในตัวอย่างต้องการบีบอัดโฟลเดอร์ Test ก็ใช้การ คลิกเมาส์ขวาที่โฟลเดอร์แล้วเลือกคำสั่ง 7-Zip -> Add to archive ดังรูปที่ 14



จากนั้นก็เข้าขั้นตอนการบีบอัดไฟล์ ดังรูปที่ 9 ข้างต้น
     ทำนองเดียวกัน ในกรณีที่ต้องการแตกไฟล์ที่ถูกบีบอัดแล้ว ก็ใช้วิธีคลิกเมาส์ขวาที่ไฟล์ที่บีบอัดในชุดคำสั่ง 7-Zip จะปรากฏคำสั่งการจัดการดังรูปที่ 15



ขอขอบคุณhttp://present7zip.blogspot.com/

















วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

week 7 คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์


เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือ เป็นเครือข่ายคมนาคมระหว่างคอมพิวเตอร์2เครื่องขึ้นไปเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน การเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ต่างๆในเครือข่าย จะใช้สายเคเบิลหรือสื่อไร้สาย เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เรารู้จักกันคือ อินเทอร์เน็ต



1) เครือข่ายส่วนบุคคล หรือแพน (Personal Area Network : PAN) เป็นเครือข่ายที่ใช้ส่วนบุคคล เช่น การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับโทรศัพท์มือถือ การเชื่อมต่อพีดีเอกับเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งการเชื่อมต่อแบบนี้จะอยู่ในระยะใกล้ และมีการเชื่อมต่อแบบไร้สาย 


  2) เครือข่ายเฉพาะที่ หรือแลน (Local Area Network: LAN) เป็นเครือข่ายที่ใช้ในการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เช่น ภายในบ้าน ภายในสำนักงาน และภายในอาคาร สำหรับการใช้งานภายในบ้านนั้นอาจเรียกเครือข่ายประเภทนี้ว่า เครือข่ายที่พักอาศัย (home network) ซึ่งอาจใช้การเชื่อมต่อแบบใช้สายหรือไร้สาย 



    3) เครือข่ายนครหลวง หรือแมน (Metropolitan Area Network : MAN) เป็นเครือข่ายที่ใช้เชื่อมโยงแลนที่อยู่ห่างไกลออกไป  เช่น  การเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างสำนักงานที่อาจอยู่คนละอาคารและมีระยะทางไกลกัน  การเชื่อมต่อเครือข่ายชนิดนี้อาจใช้สายไฟเบอร์ออพติก หรือบางครั้งอาจใช้ไมโครเวฟเชื่อมต่อ เครือข่ายแบบนี้ใช้ในสถานศึกษามีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเครือข่ายแคมปัส (Campus Area Network: CAN)


    4) เครือข่ายวงกว้าง หรือแวน  (Wide Area Network: WAN)  เป็นเครือข่ายที่ใช้ในการเชื่อมโยงกับเครือข่ายอื่นที่อยู่ไกลกันมาก เช่น เครือข่ายระหว่างจังหวัด หรือระหว่างภาครวมไปถึงเครือขายระหว่างประเทศ


อินเทอร์เน็ต คือ เป็นเครือข่ายใหญ่ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายหลายๆเครือข่ายใช้สื่อสารการในคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ทั้งตัวเลข ตัวอักษร สัญลักษณ์ที่ใช้แทนความหมายในสิ่งต่างๆโดยคุณสมบัติที่สำคัญของคอมพิวเตอร์คือการที่สามารถกำหนดชุดคำสั่งล่วงหน้าหรือโปรแกรมได้




เครือข่ายคอมพิวเตอร์



วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

week 6 วิเคราะห์ข้อสอบ o-net คอมพิวเตอร์ 5 ข้อ

วิเคราะห์ข้อสอบ o-net คอมพิวเตอร์ 5 ข้อ ปี 2554

1. ข้อใดเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักวิชาการเมื่อค้นคว้าหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตมาทำรายงาน

     1. คัดลอกเนื้อหาจากเว็บไซต์

     2. ใช้เนื้อหาจากกระดานสนทนา มาใส่ในรายงาน

     3. นำรูปภาพจากเว็บไซต์มาใส่ในรายงาน

     4. อ้างอิงชื่อผู้เขียนบทความ

ตอบ ข้อ 4. เพราะการที่เราไปเอาบทความข้อคนอื่นมาต้องอ้างอิงถึงเจ้าของ

บทความด้วย 

2. ผู้ประกอบอาชีพเป็นผู้พัฒนาเว็บไซต์ต้องเชี่ยวชาญความรู้ด้านใดบ้างจาก

ตัวเลือกต่อไปนี้


         ก. ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์                ง. HTML
      ข. ระบบปฏิบัติการ                        จ. ระบบฐานข้อมูล

        ค. เว็บเซิร์ฟเวอร์                            ฉ. ภาษาจาวา

   1. ข้อ ก. และ ค.                                        2. ข้อ ข. และ จ.

   3. ข้อ ค. และ ง.                                        4. ข้อ ค. และ ฉ.

ตอบ ข้อ 3 ต้องชำนาญเว็บเซิร์ฟเวอร์ และ HTML และด้านอื่นๆอีกจึงจะสา

มารถพัฒนาเว็ยไซต์ได้

3. ข้อใดเป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อข้อมูลไร้สายทั้งหมด

    1. Wi-Fi    IP

    2. Wi-Fi       Bluetooth

    3. 3G       ADSL

    4. 3G       Ethertnet

ตอบ  ข้อ 3  เพราะ 3G และ ADSL สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องมีสายเชื่อมต่อ

4. ข้อใดไม่ใช่ข้อเสียของการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์

   1. การทำผิดกฎหมายลิขสิทธิ์มีความผิดทางอาญา

   2. เป็นช่องทางหนึ่งในการระบาดของไวรัสคอมพิวเตอร์

   3. ผู้ใช้จะไม่ได้รับการบริการจากผู้พัฒนาถ้าหากมีปัญหาการใช้งาน

   4. ทำให้ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ไม่มีรายได้เพื่อประกอบการและพัฒนาต่อไปได้

ตอบ ข้อ 2 เพราะ ไวรัสไม่ใช่การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟแวร์แต่ไวรัสสามรารถมา

กับซอฟต์แวร์ได้

5. ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้องที่สุด

    1. การบันทึกข้อมูลลงแผ่นดีวีดีใช้เทคโนโลยีแบบแม่เหล็ก

    2. หมายเลขไอพีเป็นหมายเลขที่ใช้กำกับ Network Interface Card
   3. หน่วยความจำสำรองเป็นหน่วยความจำที่มีคุณลักษณะแบบ Volatile
   4. รหัส ASCII และ EBCIDIC เป็นการวางรหัสตัวอักษรที่ใช้ขนาด 8 บิต

ตอบ ข้อ 1 ดีวีดีต้องใช้แม่เหล็กในการบันทึกข้อมูล




วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

week 5 เรื่องที่นักเรียนสนใจ

แนะนำคณะจิตวิทยา

คณะจิตวิทยาเป็นคณะที่เกี่ยวกับความรู้สึกจิตใจและจิตใต้สำนึกที่ผู้ป่วยเก็บไว้ คณะจิตวิทยาไม่ต้องเรียนแพทย์เพราะไม่ใช่จิตแพทย์
เรามารู้สาขากันเถอะ 
จิตวิทยาการปรึกษา
เป็นการให้คำปรึกษาปัญหาและแก้ไขปัญหาของตนเองเป็นชิงจิตวิทยาแต่ละคนจะแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง คณะนี้เป็นการแนะนำวิธีการแก้ปัญหา
จิตวิทยาสังคม
เป็นการแก้ไขปัญหาในสังคม ความสัมพันธ์ของแต่ละบุคคลว่าเขารู้สึกอย่างไร เป็นการโน้วน้าวจิตใจของสังคมการคล้อยตาม การร่วมมือ การแข่งขัน การแสดงตน การประจบประแจง อิทธิพลทางสังคม 
จิตวิทยาคลินิก
เป็นการช่วยเหลือคนที่มีปัญหาทางจิตใจ ให้จิตใจกลับมาเป็นปกติ เป็นการช่วยแก้ปัญหาทางได้จิตใจแต่ไม่ลึกเท่าจิตแพทย์
จิตวิทยาพัฒนาการ
เป็นการเสริมสร้างพัฒนาการของบุคคลทุกช่วงวัย ตั้งแต่อยู่ในท้อง วัยเด็ก วัยรุ่น จนถึงวัยชรา

 จิตวิทยาชุมชน
เป็นการดูพฤติกรรมของบุคคลในชุมชนกลวิธีต่างๆใน การป้องกันและส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพจิต ปัจจจัยต่างๆ ที่เอื้อต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและพัฒนาทรัพยากรบุคคลเพื่อความเข้มแข็งของชุมชน

จิตวิทยาอุตสาหกรรม
เป็นการดูพฤติกรรมบุคคล ในการทำงานในองต์การทั้งภาครัฐและเอกชน ปัจจัยทางจิตวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน การสรรหา การคัดเลือก พัฒนาและบริหารทรัพยากรในองค์กร


คณะนี้มีแค่บางมหาวิทยาลัยน้ะจ้ะถ้าจะเรียนต้องศึกษาข้อมูลให้ดีและตามสอบให้ทันน้ะจ้ะ

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558

week4 โปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ c#

เรามารู้จักโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ c#กันเถอะค่ะบางคนอาจจะรู้จักหรือไม่รู้จักแต่เข้ามาbloggerนี้เราจะมารู้จักโปรแกรมc#กันนะค่ะ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่านะค่ะ
C# คืออะไร
     C# คือ ภาษาคอมพิวเตอร์ประเภท  object-oriented programming พัฒนาโดย  Microsoft โดยมีจุดมุ่งหมายในการวมความสามารถการคำนวณของ C++ ด้วยการโปรแกรมง่ายกว่าของ Visual Basic โดย C# มีพื้นฐานจาก C++ และเก็บส่วนการทำงานคล้ายกับ Java 
     C# ได้รับการออกแบบให้ทำงานกับ .NET platform ของ Microsoft จุดมุ่งหมายคือ อำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนสารสนเทศและบริการผ่านเว็บ และทำให้ผู้พัฒนาสร้างโปรแกรมประยุกต์ในขนาดกระทัดรัด C# ทำให้โปรแกรมง่ายขึ้นผ่านการใช้ Extensible Markup Language (XML) และ Simple Object Access Protocol (SOAP) ซึ่งยอมให้เข้าถึงอ๊อบเจคของโปรแกรมหรือเมธอด โดยปราศจากความต้องการให้ผู้เขียนโปรแกรมเขียนคำสั่งเพิ่มในแต่ละขั้นตอน เนื่องจากผู้เขียนโปรแกรมสามารถสร้างบนคำสั่งที่มีอยู่ แทนที่การคัดลอกซ้ำ C#  ภาษา C# ถูกพัฒนาขึ้นโดยเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ .NET Framework เป็นการการนำข้อดีของภาษาต่างๆ (เช่นภาษา Delphi , ภาษา C++) มาปรับปรุงเพื่อให้มีความเป็น OOP (โปรแกรมเชิงวัตถุ) มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ลดความซับซ้อนในโครงสร้างของภาษาลง (เรียบง่ายกว่าภาษา C++) และมีสิ่งที่เกินความจำเป็นน้อยลง (เมื่อเทียบกับ Java)
     C# ถูกรับรองจากหน่วยงาน ECMA (หน่วยงานกำหนดมาตรฐานสากลด้านสารสนเทศ) และ ISO และปัจจุบันไมโครซอฟท์ยังพัฒนาภาษานี้อย่างต่อเนื่อง (ปัจจุบันเป็นเวอร์ชัน 3.0)
C# คืออะไร ซีชาร์ป คือ ภาษาคอมพิวเตอร์ ซึ่งพัฒนามาจากภาษา C++

เปรียบเทียบภาษา C# กับภาษาอื่นๆ
     1.ถ้าพูดถึงความใกล้เคียงกับภาษาอื่นๆ ภาษา C# ใกล้เคียงกับภาษา Java มากที่สุด โดยมีความเหมือนกันถึง 70% ดั้งนั้นนักเขียนโปรแกรมภาษา Java จึงอาจย้ายมาเขียนภาษา C# ได้โดยศึกษาว่ามีสิ่งใดที่แตกต่างกันบ้าง ภาษา C# ยังมีความคล้ายคลึงกับภาษ C++.NET และภาษา VB.NET เป็นอย่างมาก ทำให้นักเขียนโปรแกรมภาษา C# สามารถอ่าน-เขียนโค้ดในภาษากลุ่มนี้ได้เมื่อฝึกฝนเพียงเล็กน้อย 
     2.C# และภาษา Java ทั้งคู่เป็นแบบสืบจากคลาสหลักได้คลาสเดียว ขณะที่ภาษา C++ สามารถสืบจากคลาสหลักได้มากกว่าหนึ่ง (Multiple inheritance) โดยภาษา C# และภาษา Java ใช้ Interface มาทดแทน Multiple inheritance เหมือนกันทั้งคู่
     3.สิ่งที่ภาษา C# และ Java มีร่วมกันคือเรื่อง Garbage Collection แต่ไม่มีใน C++ จึงทำให้ดูเหมือนว่าภาษา Java ต่อยอดมาจากภาษา C++ และ C# ต่อยอดมาจาก Java อีกที ที่เป็นเช่นนั้นเพราะทั้ง Java และ C# มีต้นสายมาจาก C++ ทำให้สองภาษานี้ดูคล้ายกัน แต่ภาษา C# ไม่ใช่ภาษา Java มันมีกลไกที่เป็นเอกลักษณ์หลายอย่าง เช่น พารามิเตอร์แบบ reference และ output การจัดเก็บ object ไว้ใน stack (struct) การทำ Versioning และยังมีสิ่งใหม่ๆ ที่เป็นข้อดี เช่น delegate, properties และ operator overloading ซึ่งจะไม่พบในภาษา Java

จุดเด่นหลักๆ ของภาษา C# มีดังนี้1.Component oriented - เป็นภาษาที่เน้นชิ้นส่วนโดยถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีทำให้สามารถนำมาใช้ต่อกันเป็นอะไรก็ได้
2.
สิ่งต่าง ๆ ใน C# เป็นออบเจ็กต์ทั้งหมด
3.
ป็นภาษา ที่ทนทาน (robust) - ทนต่อความผิดพลาด ไม่ทำให้ระบบแฮงก์หรือระบบทำงานช้า เพราะ C# มีข้อดีคือ garbage collection , exception , type-safety และ versioning
4.
ภาษา C# จัดเตรียมกลไกไว้หลายอย่างที่ช่วยให้ผู้เขียนโปรแกรมสามารถนำโค้ดที่เขียนไว้ใน ?โปรเจค? หนึ่งไปใช้กับอีกโปรเจคหนึ่งได้ง่าย นอกจากนั้นภาษา C# ยังสามารถเรียกใช้คลาสหลายพันคลาสใน .NET Framework ได้โดยตรง ทำให้ลดเวลาการพัฒนาซอฟท์แวร์ได้มาก

เครื่องมือสำหรับพัฒนาโปรแกรม

            การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้วยภาษา C# นั้น จะมีเครื่องมือที่ช่วยคอยอานวยความสะดวกสบายให้ผู้เขียนโปรแกรมสามารถเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว และ ผู้เขียนโปรแกรมสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดในการเขียนโปรแกรมได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวก็คือ โปรแกรม Visual Studio นั่นเอง
            Visual Studio เป็นซอฟต์แวร์ประเภท IDE (Integrated Development Environment) ซึ่งเป็นการนาแนวความคิดการทางานแบบรวมศูนย์มาใช้ คือ การทาให้วงจรการพัฒนาระบบทั้งหมดทางานได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และ ง่ายดาย เริ่มตั้งแต่การวิเคราะห์ ออกแบบจนถึงการนาไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้นๆ (รายละเอียดของเครื่องมือสาหรับพัฒนาโปรแกรมด้วยภาษา C# จะกล่าวอีกครั้งในบทที่ 2)

โครงสร้างโปรแกรมภาษา C#

            โครงสร้างโปรแกรมภาษา C# ขั้นพื้นฐานจะประกอบด้วยส่วนของโปรแกรมหลักแต่จะไม่มีส่วนของโปรแกรมย่อย (subroutine) โดยแสดงดังรูปที่ 1

                

รูปที่ 1 โครงสร้างโปรแกรมภาษา C# ขั้นพื้นฐาน

จากรูปที่ 1 แสดงโครงสร้างโปรแกรมภาษา C# ขั้นพื้นฐาน โดยมีรายละเอียดดังนี้

            1. หมายเลข (1) เป็นการระบุชื่อของ namespace ซึ่งใช้ในการกาหนดขอบเขตให้กับคลาสต่างๆรวมถึงใช้ในการจัดโครงสร้างของโปรแกรมขนาดใหญ่ให้เป็นสัดส่วนอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อนโดยมีผู้เขียนโปรแกรมหลายคน นอกจากนี้ การกาหนด namespace ยังช่วยป้องกันปัญหาการตั้งชื่อคลาสหรือค่าคงที่อื่นๆ ซ้ากันได้
            2. หมายเลข (2) เป็นการระบุชื่อของ class
            3. หมายเลข (3) เป็นการะบุพื้นที่สาหรับคาสั่งต่างๆ ที่ผู้เขียนโปรแกรมต้องการให้คอมพิวเตอร์ปฏิบัติตาม

            นอกจากนี้ ในบางกรณี ผู้เขียนโปรแกรมสามารถที่จะไม่เขียนในส่วนของ namespace ได้ ถ้าโปรแกรมคอมพิวเตอร์นั้นมีขนาดเล็ก และ ไม่ซับซ้อนมากนัก ซึ่งการที่ไม่เขียนในส่วนของ namespace จะถือว่า class ที่ถูกสร้างขึ้นมาอยู่ใน namespace กลาง โดยแสดงดังรูปที่ 2


รูปที่ 2 โครงสร้างโปรแกรมภาษา C# ขั้นพื้นฐาน กรณีไม่เขียนในส่วนของ namespace

ตัวอย่าง โครงสร้างโปรแกรมภาษา C# ขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะแสดงข้อความ Hello C# ออกทางจอภาพ และจากนั้นรอจนกว่าผู้ใช้งานจะกด Enter แล้วจบการทางาน
กรณีที่ 1 เขียนในส่วนของ namespace โดยแสดงดังรูปที่ 3


รูปที่ 3 ตัวอย่างโครงสร้างโปรแกรมภาษา C# ขั้นพื้นฐาน กรณีเขียนในส่วนของ namespace

กรณีที่ 2 ไม่เขียนในส่วนของ namespace โดยแสดงดังรูปที่ 4



รูปที่ 4 ตัวอย่างโครงสร้างโปรแกรมภาษา C# ขั้นพื้นฐาน กรณีไม่เขียนในส่วนของ namespace