วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

week8 Review/แนะนำการใช้โปรแกรม

แนะนำโปรแกรม 7-zip

วันนี้เราจะมาแนะนำโปรแกรม 7- zip เป็นโปรแกรมที่บีบอัดไฟล์ ทำให้ไฟล์เล็กลงเพื่อสะดวกในการจัดเก็บข้อมูล

วิธีใช้งานโปรแกรม 7-Zip

7-Zip เป็นโปรแกรมในการบีบอัดไฟล์ (Compressed) ทำให้ไฟล์มีขนาดเล็กลง หรือสามารถบีบอัด ไฟล์หลาย ๆ ไฟล์เข้าเป็นไฟล์เดียว เพื่อสะดวกในการคัดลอกลงในอุปกรณ์เก็บข้อมูล หรือส่ง E-Mail โปรแกรมนี้มีหลักการทำงานเช่นเดียวกันกับโปรแกรมบีบอัดไฟล์ตามท้องตลาด คือ WinZIP และ WinRAR โปรแกรม 7-Zip เป็น Freeware สามารถทำงานกับไฟล์ สามารถใช้ฟังก์ชันบีบอัด (Add) และแตกไฟล์ (Extract) ไฟล์นามสกุล: 7z, ZIP, GZIP, BZIP2 และ TAR ใช้ฟังก์ชันแตกไฟล์ (Extract) ได้อย่างเดียว (ไม่สามารถบีบไฟล์นามสกุลเหล่านี้ได้) กับไฟล์ นามสกุล: RAR, CAB, ISO, ARJ, LZH, CHM, Z, CPIO, RPM, DEB และ NSIS สามารถ Download โปรแกรมนี้ได้ที่http://www.7-zip.org/

ขั้นตอนการติดตั้ง 

ไฟล์ที่ Download มาจะเป็น นามสกุล exe (เช่น Version ปัจจุบันคือ 4.42 ไฟล์ชื่อ 7z442.exe) ทำการดับเบิ้ลคลิกเมาส์ ที่ไฟล์จะเข้าขั้นตอนติดตั้งตามรูปที่ 1


 
 
 ทำการเลือก ตำแหน่งที่ติดตั้งไฟล์โปรแกรม ค่ามาตรฐาน (Default) คือ C:\Program Files\7-Zip กดที่ปุ่ม Install เพื่อทำการติดตั้งต่อไป รอการติดตั้งจนเสร็จดังรูปที่ 


คลิกเมาส์ที่ปุ่ม Finish ในการเสร็จสิ้นขั้นตอนการติดตั้งในรูปที่ 3


วิธีใช้งาน

โปรแกรมสามารถเรียกใช้ได้ที่ปุ่ม Start ดังรูปที่ 4
 

ส่วนหน้าตาของตัวโปรแกรม (User Interface) เป็นดังรูปที่ 5
Tips:ในตัวโปรแกรมมีการตั้งค่าข้อความคำสั่งของตัวโปรแกรมเป็นภาษาไทย โดยไปที่เมนู Tools -> Options ดังรูปที่ 6

เข้าไปที่กลุ่มคำสั่ง (Tab) ที่ชื่อ Language แล้วเลือกภาษาไทยจากนั้นกดปุ่ม OK ในการตั้งค่าดัง รูปที่ 7


การบีบอัด (Add) ไฟล์

ในขั้นตอนนี้จะลองทำการบีบอัด(Add) ไฟล์โดยทำการเลือกโฟลเดอร์(Folder) (แนะนำให้เก็บไฟล์ ทั้งหมดเข้าไปไว้ในโฟลเดอร์เพื่อง่ายในการเลือก) ที่เราต้องการบีบอัดแล้วเลือกคำสั่ง Add ในตัวโปรแกรม ในตัวอย่างนี้จะทำการบีบโฟลเดอร์ Test ดังรูปที่ 8


เมื่อเลือกคำสั่งAdd แล้วจะเข้าหน้าต่าง การบีบอัดไฟล์ดังรูปที่ 9 ตั้งค่าตามลำดับดังนี้


1. ทำการตั้งชื่อไฟล์และเลือกตำแหน่งของไฟล์ผลลัพธ์ที่ได้ คลิกเลือกที่ปุ่ม ... ในการ Browse ตำแหน่งโฟลเดอร์ในเครื่อง
2. ตั้งค่ารูปแบบของไฟล์ โดยสามารถตั้งได้ 3 นามสกุล คือ 7z (เป็นนามสกุลหลักของตัว โปรแกรม) tar และ zip แนะนำให้เป็น นามสกุลแบบ zip เพราะสามารถเปิดได้ทุกโปรแกรมที่บีบอัดไฟล์
3. ตั้งค่าระดับการบีบอัด (Compression method) ระดับการบีบอัดนี้ควรสัมพันธ์กับรูปแบบของ ไฟล์ที่นำมาบีบอัด ดังนี้  

     - ไฟล์ประเภทสื่อ Multi Media เช่น เพลงหรือวีดีโอ นามสกุล: mpg, mp3, avi, wmv ไฟล์ พวกนี้มักผ่านกระบวนการบีบอัดจากโปรแกรมอื่นมาแล้ว แม้ว่าจะใช้โปรแกรมบีบอัดเพิ่มเติม ขนาดไฟล์ที่ ได้ก็ไม่เล็กลง ดังนั้นควรเลือกระดับการบีบอัด เป็น Store จะเสียเวลาน้อยที่สุด
     - ไฟล์เอกสารต่าง ๆ เช่น นามสกุล: doc, xls, ppt, txt, rtf ไฟล์พวกนี้สามารถบีบอัดได้มาก เพราะโปรแกรมจะตัด เครื่องหมายช่องว่างในตัวข้อมูลออกไป ควรเลือกการบีบอัดเป็นแบบ Maximum (ใน กรณีที่เครื่องมี Spec ไม่สูงนัก) หรือแบบ Ultra (สำหรับคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง)
     - ไฟล์ที่มาจากโปรแกรมที่บีบอัดด้วยกันหรือไฟล์ทั่ว ๆ ไป ที่มีนามสกุลนอกเหนือจากไฟล์ 2 แบบข้างต้น จะสามารถถูกบีบอัดได้ในระดับปานกลาง ควรเลือกระดับการบีบอัดแบบ Normal
ในกรณีที่ใช้ระดับการบีบอัดสูงมากขึ้น ก็จะเสียเวลาในการบีบอัด หรือแตกไฟล์ออกมา มากกว่า ระดับการบีบอัดที่อยู่น้อยกว่า

4. การใส่ Password ผู้ใช้สามารถตั้ง Password ในกรณีที่แตกไฟล์ออกมา จะต้องใส่ Password ให้ถูกก่อนจึงจะแตกไฟล์ออกมาได้ ถ้าเว้นว่างไว้ คือ ไม่มี Password
5. การตั้งค่า Split Volumes เป็นการแบ่งไฟล์ที่บีบออกเป็นส่วน ๆ ถ้ามีขนาดเกินที่กำหนดแต่ ละ Volume เพื่อความสะดวกในการเก็บลงอุปกรณ์เก็บข้อมูลหรือการส่ง E-Mail ที่มีพื้นที่การเก็บไฟล์จำกัด โดยสามารถเลือกได้ตามการตั้งค่าของโปรแกรมดังรูปที่ 10 หรือจะพิมพ์ขนาดของไฟล์เลยก็ได้ เช่น 80m หมายถึง 80 MB (ถ้าใส่ m ต่อท้ายหมายถึงหน่วย MB)


จากในตัวอย่าง Folder Test มีขนาด 24.8 MB ทำการบีบไฟล์ แบ่งค่า Split Volumes 15 MB ออกมา เป็น 2 Parts ดังรูปที่ 11



การแตกไฟล์ (Extract)
การแตกไฟล์ที่ถูกบีบอัดแล้วใช้วิธีการแบบเดียวกับการบีบไฟล์ โดยคลิกเมาส์เลือกที่ตัวไฟล์ที่ต้องการแตกออกมา (ถ้าไฟล์แยกเป็น Split Volumes ให้เลือกที่ไฟล์แรก หรือนามสกุล .001 และไฟล์ทุก Part จะต้องอยู่ใน Folder เดียวกัน) จากนั้นเลือกคำสั่ง Extract ดังรูปที่ 12



จากนั้นจะเข้าหน้าต่างการแตกไฟล์ ดังรูปที่13 มีขั้นตอนดังนี้



1. เลือกตำแหน่งที่จะแตกไฟล์ออก 
2. รูปแบบของโฟลเดอร์ และไฟล์ที่แตกออกมา
3. รูปแบบการบันทึกทับในกรณีที่เจอไฟล์ที่ชื่อซ้ำกัน
4. ใส่ Password ในการแตกไฟล์ (ถ้ามี)
5. ตั้งค่าเสร็จแล้ว คลิกปุ่ม OK

Windows Explorer Extension
ในการทำงานทั่ว ๆ ไป เราสามารถใช้การทำงาน 7-Zip ผ่านทางโปรแกรม Windows Explorer ของ Windows ได้เพื่อความสะดวกในการทำงานร่วมกับ Windows Explorer โดยการทำงาน จะอยู่ในคำสั่ง Option ของการคลิกเมาส์ขวาที่ตัวไฟล์ หรือโฟลเดอร์ ดังรูป การทำงานยังเหมือนเดิม คือ เลือกคำสั่ง Add ในการบีบอัดไฟล์ หรือเลือกคำสั่ง Extract ในกรณีที่ต้องการแตกไฟล์
ในตัวอย่างต้องการบีบอัดโฟลเดอร์ Test ก็ใช้การ คลิกเมาส์ขวาที่โฟลเดอร์แล้วเลือกคำสั่ง 7-Zip -> Add to archive ดังรูปที่ 14



จากนั้นก็เข้าขั้นตอนการบีบอัดไฟล์ ดังรูปที่ 9 ข้างต้น
     ทำนองเดียวกัน ในกรณีที่ต้องการแตกไฟล์ที่ถูกบีบอัดแล้ว ก็ใช้วิธีคลิกเมาส์ขวาที่ไฟล์ที่บีบอัดในชุดคำสั่ง 7-Zip จะปรากฏคำสั่งการจัดการดังรูปที่ 15



ขอขอบคุณhttp://present7zip.blogspot.com/

















วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

week 7 คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์


เครือข่ายคอมพิวเตอร์ คือ เป็นเครือข่ายคมนาคมระหว่างคอมพิวเตอร์2เครื่องขึ้นไปเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน การเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ต่างๆในเครือข่าย จะใช้สายเคเบิลหรือสื่อไร้สาย เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เรารู้จักกันคือ อินเทอร์เน็ต



1) เครือข่ายส่วนบุคคล หรือแพน (Personal Area Network : PAN) เป็นเครือข่ายที่ใช้ส่วนบุคคล เช่น การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับโทรศัพท์มือถือ การเชื่อมต่อพีดีเอกับเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งการเชื่อมต่อแบบนี้จะอยู่ในระยะใกล้ และมีการเชื่อมต่อแบบไร้สาย 


  2) เครือข่ายเฉพาะที่ หรือแลน (Local Area Network: LAN) เป็นเครือข่ายที่ใช้ในการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เช่น ภายในบ้าน ภายในสำนักงาน และภายในอาคาร สำหรับการใช้งานภายในบ้านนั้นอาจเรียกเครือข่ายประเภทนี้ว่า เครือข่ายที่พักอาศัย (home network) ซึ่งอาจใช้การเชื่อมต่อแบบใช้สายหรือไร้สาย 



    3) เครือข่ายนครหลวง หรือแมน (Metropolitan Area Network : MAN) เป็นเครือข่ายที่ใช้เชื่อมโยงแลนที่อยู่ห่างไกลออกไป  เช่น  การเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างสำนักงานที่อาจอยู่คนละอาคารและมีระยะทางไกลกัน  การเชื่อมต่อเครือข่ายชนิดนี้อาจใช้สายไฟเบอร์ออพติก หรือบางครั้งอาจใช้ไมโครเวฟเชื่อมต่อ เครือข่ายแบบนี้ใช้ในสถานศึกษามีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเครือข่ายแคมปัส (Campus Area Network: CAN)


    4) เครือข่ายวงกว้าง หรือแวน  (Wide Area Network: WAN)  เป็นเครือข่ายที่ใช้ในการเชื่อมโยงกับเครือข่ายอื่นที่อยู่ไกลกันมาก เช่น เครือข่ายระหว่างจังหวัด หรือระหว่างภาครวมไปถึงเครือขายระหว่างประเทศ


อินเทอร์เน็ต คือ เป็นเครือข่ายใหญ่ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายหลายๆเครือข่ายใช้สื่อสารการในคอมพิวเตอร์

คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ทั้งตัวเลข ตัวอักษร สัญลักษณ์ที่ใช้แทนความหมายในสิ่งต่างๆโดยคุณสมบัติที่สำคัญของคอมพิวเตอร์คือการที่สามารถกำหนดชุดคำสั่งล่วงหน้าหรือโปรแกรมได้




เครือข่ายคอมพิวเตอร์



วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

week 6 วิเคราะห์ข้อสอบ o-net คอมพิวเตอร์ 5 ข้อ

วิเคราะห์ข้อสอบ o-net คอมพิวเตอร์ 5 ข้อ ปี 2554

1. ข้อใดเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักวิชาการเมื่อค้นคว้าหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตมาทำรายงาน

     1. คัดลอกเนื้อหาจากเว็บไซต์

     2. ใช้เนื้อหาจากกระดานสนทนา มาใส่ในรายงาน

     3. นำรูปภาพจากเว็บไซต์มาใส่ในรายงาน

     4. อ้างอิงชื่อผู้เขียนบทความ

ตอบ ข้อ 4. เพราะการที่เราไปเอาบทความข้อคนอื่นมาต้องอ้างอิงถึงเจ้าของ

บทความด้วย 

2. ผู้ประกอบอาชีพเป็นผู้พัฒนาเว็บไซต์ต้องเชี่ยวชาญความรู้ด้านใดบ้างจาก

ตัวเลือกต่อไปนี้


         ก. ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์                ง. HTML
      ข. ระบบปฏิบัติการ                        จ. ระบบฐานข้อมูล

        ค. เว็บเซิร์ฟเวอร์                            ฉ. ภาษาจาวา

   1. ข้อ ก. และ ค.                                        2. ข้อ ข. และ จ.

   3. ข้อ ค. และ ง.                                        4. ข้อ ค. และ ฉ.

ตอบ ข้อ 3 ต้องชำนาญเว็บเซิร์ฟเวอร์ และ HTML และด้านอื่นๆอีกจึงจะสา

มารถพัฒนาเว็ยไซต์ได้

3. ข้อใดเป็นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อข้อมูลไร้สายทั้งหมด

    1. Wi-Fi    IP

    2. Wi-Fi       Bluetooth

    3. 3G       ADSL

    4. 3G       Ethertnet

ตอบ  ข้อ 3  เพราะ 3G และ ADSL สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องมีสายเชื่อมต่อ

4. ข้อใดไม่ใช่ข้อเสียของการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์

   1. การทำผิดกฎหมายลิขสิทธิ์มีความผิดทางอาญา

   2. เป็นช่องทางหนึ่งในการระบาดของไวรัสคอมพิวเตอร์

   3. ผู้ใช้จะไม่ได้รับการบริการจากผู้พัฒนาถ้าหากมีปัญหาการใช้งาน

   4. ทำให้ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ไม่มีรายได้เพื่อประกอบการและพัฒนาต่อไปได้

ตอบ ข้อ 2 เพราะ ไวรัสไม่ใช่การละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟแวร์แต่ไวรัสสามรารถมา

กับซอฟต์แวร์ได้

5. ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้องที่สุด

    1. การบันทึกข้อมูลลงแผ่นดีวีดีใช้เทคโนโลยีแบบแม่เหล็ก

    2. หมายเลขไอพีเป็นหมายเลขที่ใช้กำกับ Network Interface Card
   3. หน่วยความจำสำรองเป็นหน่วยความจำที่มีคุณลักษณะแบบ Volatile
   4. รหัส ASCII และ EBCIDIC เป็นการวางรหัสตัวอักษรที่ใช้ขนาด 8 บิต

ตอบ ข้อ 1 ดีวีดีต้องใช้แม่เหล็กในการบันทึกข้อมูล